4.2 ที่มาการสร้างการ์ตูน

ถ้าจะถามว่าผู้สร้างการ์ตูนเรื่องเจ้าแกละแสนฉลาดมีอาชีพอะไร? ทุกคนก็ต้องตอบว่ามีอาชีพเป็นครู แล้วเป็นครูระดับใด คงยากที่จะเดา แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นครูนักคิดสอนมาทุกระดับ การคิดการฝัน ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเล็ก ข้าพเจ้าชอบดูหนังเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป แต่ข้าพเจ้าก็ฝันว่า ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้สร้างหนังจะสร้างอย่างไรให้ถูกใจตนเองมากที่สุด นั่นคือจะต้องสร้างตัวพระเอกที่เก่งเป็นฮีโร่ ต่อสู้ฆ่าผู้ร้ายตายหมดทั้งโลกเหลือแต่คนดี แต่ถ้าฆ่าผิดคนจะเป็นอย่างไร งั้นก็สร้างพระเอกที่เก่ง ฉลาดเหนือมนุษย์คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็จะดี แล้วทำไมจะต้องต่อสู้กัน ถ้าเก่งฉลาดแบบไม่ต้องต่อสู้ทำได้หรือไม่ เมื่อข้าพเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่ มีความพร้อม ก็ลองสร้างคลิปการ์ตูนตอนหนึ่งไม่ได้ตั้งชื่อไว้ น่าจะเรียกว่าเจ้าแกละเชิดหุ่นผี ซึ่งมีอยู่ในคลิปอื่นๆบนเว็ปนี้ เจ้าแกละเชิดหุ่นผีเป็นจังหวะและก็เล่นเกมวิศวกรน้อย แต่ก็ไม่ได้เล่นธรรมดาใช้ความสามารถพิเศษดีดตัวเกมให้ลงกล่องพอดี โดยมีเจ้าเต่าเป็นผู้ช่วย เริ่มตั้งแต่ครั้งละ 1 ตัว,2ตัว, 3 ตัว เหลือ Z ตัวสุดท้ายก็ต้องคิดวางแผนอีกว่าจะลงอย่างไรโดยให้ตัว Z ไปชนกระแทกตัว Tกระเด็นออกกลับหัวแล้วลงกล่องพร้อมกันพอดี ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ มนุษย์เก่งฉลาดแบบนี้ไม่มี

จากนั้นก็คิดสร้างเจ้าแกละที่เก่งและเป็นไปได้ นั่นคือ เจ้าแกละแสนฉลาด จึงได้ถูกสร้างขึ้นมา มีผู้ชมแล้ว 1,000,000 views

ความคิดของเด็กตัวเล็ก เด็กทุกคนก็คิดที่จะช่วยโลกกันทั้งนั้น แล้วทำไมจะต้องมาแบ่งพวกเป็นผู้ดีกับผูร้าย นั่นคือการดำเนินชีวิตที่ผิดเพี้ยนมนุษย์ของฝ่ายผู้ร้าย มนุษย์ทุกคนจะคิดตลอดเวลา คิดคนละแบบ คิดคนละสี

การคิดเป็นระบบเสมือนเส้นเชือกความคิด ที่พันเก็บไว้ดีมีระเบียบ จึงรู้ต้นเชือกรู้ปลายเชือกรู้ตำแหบ่งที่จับ การคิดสะเปะสะปะไร้ระบบเสมือนเส้นเชือกที่ไม่ได้พันเก็บ จึงไม่รู้ต้นเชือกปลายเชือก เชือกที่เป็นระบบสีขาวกับเชือกที่เป็นระบบสีเขียวสามารถรวมตัวบิดเป็นเกลียวพันกันเป็นเชือกเส้นใหญ่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นได้ ส่วน เชือกสะเปะสะปะสีแดง กับเชือกสะเปะสะปะสีเหลืองไม่สามารถจะรวมตัวทำเป็นเชือกเส้นใหญ่ได้ เพียงแต่รวมกันเป็นก้อนใหญ่ที่ยากและยุ่งที่จะนำออกใช้ให้เกิดประโยชน์


การสร้างการ์ตูนเรื่องเจ้าแกละแสนฉลาด มีจุดประสงค์ดังนี้

-ประการที่ 1 ปลุกกระตุ้นให้เด็กฉลาดเป็นฮีโร่ทางบวก

-ประการที่ 2 เป็นการอธิบายการใช้นิ้วปลอมช่วยคิด นิ้วปลอมในที่นี้คือต้องใช้ปากกาเขียนบนหลังมือเด็ก (นิ้วปลอมเขียนเพียงชั่วคราว เด็กทุกคนฉลาด รู้ความความหมายดี )

-ประการที่ 3 เด็กทุกคนชอบการร้องเพลง แต่ต้องการฝึกการยกนิ้วมือตามเพลง อย่างสนุก สิ่งที่จะได้ตามมา เต้นเพื่อออกกำลังกาย ยกนิ้วมือเพื่อออกกำลังสมอง กระตุ้นประสาทและมีสมาธิ และได้เรียนรู้คณิตศาสตร์เบื้องต้น

-ประการที่ 4 เจ้าจุกกับเจ้าแกละมีปัญหาที่เหมือนกันคือเรียนเลขไม่เก่ง แต่การแก้ปัญหา 2 คนต่างกัน เจ้าแกละแก้ปัญหาในทางที่บวก และก็ดีเกินคาด จะได้ปลูกฝังเด็กให้แก้ปัญหาในทางบวก ซึ่งจะทำให้มีความสุขทุกฝ่าย

-ประการที่ 5 สอนเด็กให้เป็นผู้ให้ เจ้าแกละเก่งแล้วยังสอนเพื่อนให้เก่ง และคนสุดท้ายคือเจ้าจุก การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญ การเป็นผู้ให้ย่อมมีความสุขทั้งตนเองและผู้อื่นที่ยั่งยืน และการเป็นผู้ให้มีผล ทำให้เกิดปัญญา ต่างกับเจ้าจุกที่คิดถึงแต่ตัวเอง ปัญญาจึงอับ แก้ปัญหาในทางลบมีความสนุกที่แกล้งเพื่อนให้เดือดร้อน แล้วก็ทุกข์เพราะอิจฉา

-ประการที่ 6 การคิดเป็นระบบ เจ้าแกละตั้งใจแก้ปัญหา จึงแก้ปัญหาเป็น จะแก้ปัญหาได้ จึงจำเป็นต้องมีเชาว์ปัญญา สมาธิ และความอดทน เจ้าแกละมีเชาว์ปัญญา โดยลำดับความคิดก็รู้ว่า ต้นเหตุของการถูกครูตี ที่จริงไม่ใช่เจ้าจุก แต่เป็นตัวเจ้าแกละเอง เจ้าแกละจึงต้องแก้ไขตัวเองก่อน จะย้อนไปหาครูระเบียบให้สอนเพิ่มเติม ก็คงจะไม่ดีแน่ น่าจะไปมีใครสักคนที่สอน หรือมีผู้วิเศษมาช่วย อังเอิญพบยายเม๊า และยายเม๊าแนะนำไปท่านฤาษี เจ้าแกละมีสมาธิ คืออยากเก่งการบวกเลข จึงตั้งใจ จดจ่ออย่างมีความสุข เพียงได้ข่าวว่ามีฤาษีช่วยได้ก็มีความสุขเบื้องต้นแล้ว เจ้าแกละมีความอดทน ฤาษีอยู่ไกลมาก ก็ยอมลำบากไปหา

-ประการที่ 7 การมีอิทธิฤทธิ์ ใครๆ ก็อยากได้ แต่ถ้าทุกคนมีอิทธิฤทธิ์ โลกทั้งโลกคงวุ่นวายไร้ระบบ เราโชคดีที่โลกไม่เป็นเช่นนั้น

แต่ธรรมชาติมีความมหัศจรรย์ ที่ว่า ...ถ้าใครตั้งใจฉลาด ธรรมชาติก็จะเพิ่มความฉลาดให้อีกเท่าตัว แต่ถ้าใครตั้งใจโง่ ธรรมชาติก็จะเพิ่มความโง่ให้อีกเท่าตัวเช่นกัน... เจ้าแกละตั้งใจเรียน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ก็ช่วยให้เจ้าแกละมีประสิทธิภาพทางสมอง คือ จดจำแม่น คิดไว เจ้าแกละในเรื่องเรียนเป็น มีความพร้อม 3 ประการ 1) มีเชาว์ปัญญา รู้และเข้าใจความหมายของนิ้วปลอม ส่วนการบวกเลขที่ฤาษีถาม 2+4= ? แม้ในเนื้อเพลงไม่มี ฤาษีก็ไม่ได้บอก แต่เจ้าแกละก็สามารถคิดได้เอง 2) มีสมาธิ เจ้าแกละมีความ ตั้งใจ จดจ่ออย่างมีความสุข จึงมีความละเอียดอ่อนที่จะสังเกต จดจำที่ฤาษี สอน 3) มีความอดทน เจ้าแกละฝึกฝน ฝึกซ้อมด้วยตนเอง การฝึกซ้อมกับสมองจะสัมพันธ์กัน เช่นยกนิ้ว 4 นิ้ว ครั้งแรกก็จะต้องนับไล่เรียง 1 ถึง 4 แล้วตอบ 4 แต่ถ้ายกบ่อย ๆ 5 ครั้งขึ้นไปสมองก็จะสั่งกลไกรภายในว่า ไม่ต้องไล่นับ 1-4แล้วจำได้แล้ว พอยกนิ้ว 4 นิ้วปุ๊ปก็ตอบปั๊บว่า 4ได้ทันที ในทำนองเดียวกัน 6+7=? ก็ตอบปุ๊ปได้เร็วเช่นกัน เมื่อกลับมาเรียนอีกครั้งคุณครูระเบียบถามเพียงข้อเดียว แต่เจ้าแกละตอบเกินคำถาม ซึ่งมันเหนือกว่าที่เพื่อนๆ คิดจึงได้ฮือฮาทั้งห้อง อย่างน่ามหัศจรรย์

-ประการที่ 8 ข้าพเจ้าเขียนเรี่องนี้ขึ้นมา ก็อิงกับประสพการณ์ชีวิตบ้าง และด้วยความฉลาดของผู้เขียนผู้วาดการ์ตูน ที่มีความละเอียดอ่อน เข้าใจความคิด เข้าใจความรู้สึกของข้าพเจ้า และใส่ความฉลาด ใส่อารมณ์คิด อารมณ์รู้สึกดีใจเสียใจไว้ในตัวการ์ตูนแต่ละตัว ได้อย่างแนบเนียนดีกว่าตัวแสดงจริง ๆ ข้าพเจ้าหวังว่าผู้ชมการ์ตูนเรื่องนี้ คงจะเข้าใจ การทำงาน ของทีมงานการ์ตูนเรื่องนี้พอควร

จาก ธัญ เสรีรมย์